ป้ายกำกับ: <span>ตกขาวกับการดูแลตนเอง</span>

วิธีใช้ยาเหน็บช่องคลอด

ยาเหน็บช่องคลอดเป็นตัวยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะที่เพื่อรักษาโรค และอาการบางอย่างในสตรี รูปลักษณะของยามีหลายแบบ วิธีการใช้อาจมีความแตกต่างกัน มีทั้งแบบเม็ดรีแบน หรือลักษณะมน กลม เวลาเหน็บ ควรจุ่มน้ำให้ชุ่มก่อนประมาณ 1 - 2 วินาที เพื่อมิให้เกิดการระคายเคือง

ยาเหน็บช่องคลอด ควรใช้เป็นครั้งคราว เมื่อมีความจำเป็นต้องรักษาโรคหรืออาการเท่านั้น เพราะโดยปกติ ภายในช่องคลอดจะมี แบคทีเรียชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอาศัยอยู่ การใช้ยาเหน็บเหล่านี้บ่อย ๆ จะทำให้แบคทีเรียที่มีประโยชน์ตาย และเชื้อราจะเข้ามาเจริญเติบโตแทน ซึ่งทำให้เกิดโทษต่อร่างกายได้

ก. วิธีสอดยาเหน็บช่องคลอดโดยใช้มือ
ข้อแนะนำวิธีการใช้
1. ล้างมือให้สะอาด
2. แกะกระดาษที่ห่อยาออก แล้วจุ่มเม็ดยาในน้ำสะอาดพอให้ยาชื้น (ประมาณ 1-2 วินาที) เพื่อช่วยลดการระคายเคือง
3. นอนหงายโดยชันหัวเข่าขึ้นและแยกขาออก
4. สอดยาเข้าช่องคลอดให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยใช้นิ้วช่วยดันยาเข้าไป
5. นอนในท่าเดิมสักครู่ ไม่ต่ำกว่า 15 นาที

ข. วิธีสอดยาเหน็บช่องคลอดโดยใช้เครื่องมือช่วยสอด

ข้อแนะนำวิธีการใช้

1. ล้างมือให้สะอาด
2. แกะยาออกจากกระดาษห่อ แล้วจุ่มเม็ดยาในน้ำสะอาดพอให้ยาชื้น (ประมาณ 1-2 วินาที)
3. ใส่เม็ดยาในเครื่องมือช่วยสอด โดยมีขั้นตอนดังนี้
- ดึงก้านสูบของเครื่องมือออกมาจนสุด
- ใส่ยาในช่องใส่ยาที่ปลายของเครื่องมือ เม็ดยาจะติดที่ช่องใส่ยา
4. นอนหงาย โดยชันหัวเข่าขึ้นและแยกขาออก
5. สอดยาเข้าในช่องคลอด โดยมีขั้นตอน ดังนี้
- จับตัวเครื่องมือสอดยาที่ใส่ยาแล้วด้วยนิ้วหัวแม่มือและนิ้วกลาง ส่วนนิ้วชี้ให้แตะอยู่ที่ปลายก้านสูบ
- หันปลายที่มียาเข้าไปในช่องคลอด ค่อยๆ สอดเครื่องมือเข้าไปเบาๆ เมื่อสอดเข้าไปลึกพอควรให้ใช้นิ้วชี้ดันก้านลูกสูบเพื่อไล่ตัวยาออกจาก เครื่องมือ โดยยาจะตกอยู่ในช่องคลอด
- เอาเครื่องมือออกจากช่องคลอด
6. นอนท่าเดิมสักครู่ ประมาณ 15 นาที เพื่อไม่ให้ยาไหลออกมาจากช่องคลอด

คำแนะนำเพิ่มเติม- ควรเหน็บยาติดต่อกันทุกวันอย่างน้อยตามจำนวนวันหรือขนาดยาที่กำหนด เช่น 5 -  7 วัน หรือ ขึ้นกับชนิดของยาและตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
- เมื่อสอดยาเหน็บแล้วควรนอนท่าเดิมนิ่งๆ จนกว่ายาจะละลายหมด ปกติมักจะเหน็บก่อนนอน
- ควรใช้กระดาษชำระซ้อนทบกันหลายๆ ชั้นรองที่กางเกงในไว้ เพื่อรองรับส่วนของเม็ดยาที่จะละลายไหลออกมา

Cr: เรียบเรียงจากบทความของนักศึกษาเภสัชฯฝึกงานชั้นปีที่ 5 น.ส.ภ.ธนัญญา พิรกิตติวรกุล

ถ่ายเป็นเลือด ปวดมาก ทำไงดี!?!?

สำหรับคนที่เป็นริดสีดวง ในบางคนการขับถ่ายอาจจะมีเลือดปนออกมา มาก แต่ในบางคนอาจจะ น้อย”
วิธีช่วยบรรเทาอาการเบื้องต้น คือ
หากาละมังกว้างๆที่สามารถนั่งลงไปแช่ได้ พร้อมใส่ด่างทับทิม หรือ น้ำอุ่นๆ 1-2 ลิตร จะช่วยสมานแผล และป้องกันการอักเสบได้
ถ้าปวดมากให้บรรเทาอาการโดนทานยา พาราเซตามอล 500MG 1 เม็ด ซ้ำได้ทุก 4-6 ชม. หรือใช้ยาเหน็บที่มีส่วนผสมของ BENZOCAINE , HYDROCORTISONE ACETATE , ZINC OXIDE เพื่อรักษาอาการอักเสบของหัวริดสีดวงที่ปริแตก และบรรเทาอาการปวดก่อนเบ่งถ่ายอุจจาระ
ใช้สำลีปิดบริเวณที่เป็นริดสีดวงหนาๆ หรือ สามารถใช้ผ้าอนามัยแบบกลางคืน เพื่อซับเลือดที่ออกมาได้
หากเลือดออกไม่หยุด หรือ ตลอดเวลา อย่าได้นิ่งนอนใจ รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป

Doproct Ointment

Doproct Suppository

อาการตกขาว และยารักษาอาการตกขาว

ทำความรู้จักอาการตกขาว และวิธีการรักษาตกขาว

ตกขาวเป็นปัญหาที่พบบ่อยในสตรี หมายถึงภาวะที่มีของเหลวออกมาทางช่องคลอด อาจก่อความรำคาญ รู้สึกเหนอะหนะ และอาจมีอาการผิดปกติต่างๆ เช่น คันช่องคลอด ระคายเคือง แสบขัดเวลาปัสสาวะ เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ มีเลือดออกทางช่องคลอด (ปริมาณไม่มาก) อาจมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย ทำให้กังวลว่าต้องรีบรับการรักษาหรือไม่

แท้จริงแล้ว ตกขาวหรือระดูขาว มีทั้งที่ปกติและผิดปกติ ตกขาวปกติมีลักษณะคล้ายแป้งเปียก ไม่มีกลิ่น ส่วนตกขาวที่ผิดปกติอาจมีลักษณะต่างกันไปตามสาเหตุ ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อ ฉะนั้นเมื่อมีตกขาวต้องพิจารณาก่อนว่าเป็นตกขาวปกติหรือผิดปกติ

ตกขาวปกติ

ผนังด้านในช่องคลอดบุด้วยเซลล์ชนิดเยื่อเมือกคล้ายเซลเยื่อเมือกที่บุในช่องปากและจมูก เซลล์นี้สร้างน้ำเมือกซึ่งมีลักษณะคล้ายแป้งละลายน้ำ ปกติไม่มีกลิ่น หรืออาจมีกลิ่นคาวเล็กน้อย น้ำเมือกนี้ช่วยหล่อลื่นช่องคลอด ช่วยขับสิ่งแปลกปลอม ฆ่าเชื้อโรค และปรับสภาพความเป็นกรดด่างในช่องคลอดให้สมดุล ในแต่ละรอบประจำเดือนมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในร่างกาย ซึ่งส่งผลต่อสภาพและปริมาณของน้ำเมือกในช่องคลอด ในช่วงกลางของรอบเดือน (ราววันที่ 14 ของรอบเดือน) เป็นช่วงใกล้เวลาไข่ตก น้ำเมือกในช่องคลอดจะเหลวใส และมีปริมาณมาก ส่วนช่วงอื่นน้ำเมือกจะข้น ขาวขุ่นคล้ายแป้งเปียก อย่างไรก็ดี ปริมาณน้ำเมือกในช่องคลอดมากหรือน้อยเพียงไรขึ้นกับแต่ละคน บางคนไม่รู้สึกว่ามีน้ำเมือกออกมาจากช่องคลอด (ตกขาว) บางคนอาจรู้สึกว่ามีตกขาวในช่วง กลางรอบประจำเดือน หรือรู้สึกว่าทำไมตกขาวใสๆ จึงเปลี่ยนเป็นข้นขึ้น เลยเข้าใจว่าเกิดความผิดปกติ ทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นปกติ สิ่งที่พึงสังเกตคือ ตกขาวแบบปกติมักไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น แสบหรือคันช่องคลอด และมักหายได้เองโดยไม่ต้องให้การรักษาใดๆ ผู้หญิงทุกคนมีตกขาวเป็นเรื่องปกติ ช่วงเด็กอาจมีเพียงเล็กน้อย เมื่อถึงช่วงเริ่มมีประจำเดือน ตกขาวจะมากขึ้นและมีปริมาณที่พอเหมาะจนถึงวัยสูงอายุ จากนั้นปริมาณลดลงจนแทบไม่มี บางช่วงอาจมีตกขาวมากกว่าปกติ เช่น ขณะตั้งครรภ์ เวลาที่มีการกระตุ้นทางเพศ หลังจากมีกิจกรรมทางเพศ หรือเมื่อใช้ยาคุมกำเนิดบางชนิด เป็นต้น

ตกขาวผิดปกติ

หากมีน้ำเมือกออกมาทางช่องคลอดปริมาณมากผิดปกติร่วมกับมีอาการคัน หรือปวดแสบปวดร้อน มีกลิ่นเหม็น และมีอาการเป็นอยู่นาน ไม่หายไปเอง เหล่านี้คืออาการของตกขาวที่ผิดปกติ สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากมีการอักเสบติดเชื้อในช่องคลอด เรียกว่า “ช่องคลอดอักเสบ” สาเหตุรองลงมาได้แก่ เนื้องอก หากเกิดจากเนื้องอก มักมีเลือดปนในตกขาวด้วย ตกขาวผิดปกติยังอาจเกิดจากสิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด เช่น ผ้าอนามัยชนิดสอดช่องคลอด หรือถุงยางคุมกำเนิด เป็นต้น

การอักเสบติดเชื้อในช่องคลอด อาจเกิดได้จากเชื้อหลายประเภท ทั้งเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อปรสิต กรณีติดเชื้อรามักมีตกขาวลักษณะคล้ายนม หรือยางมะละกอ บางครั้งเป็นก้อน มักมีอาการคันมาก ร่วมกับมีผื่นคัน แดงหรือบวมที่บริเวณปากช่องคลอด เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ เชื้อราที่เป็นสาเหตุสำคัญคือ Candida albicans เป็นเชื้อราที่ชอบสภาพแวดล้อมที่ร้อนชื้นแบบในช่องคลอด การใส่เสื้อผ้าที่คับมาก สภาพร่างกายที่อ้วนมาก ทำให้ช่องคลอดอับชื้นก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เชื้อชนิดนี้เจริญเติบโตดี นอกจากนี้ ช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อรายังอาจเกิดจากการใช้ยาปฏิชีวนะ หรือยาสเตียรอยด์ โรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ การตั้งครรภ์หรือใช้ยาคุมกำเนิด หรือวัยหมดประจำเดือน เป็นต้น อย่างไรก็ดี ช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อราอาจไม่มีอาการแสดงอะไรเลยก็ได้

ช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรียอาจเกิดขึ้นเอง หรือติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ มักเกิดในหญิงที่ใช้ห่วงคุมกำเนิด ความผิดปกติเกิดจากการมีแบคทีเรียชนิดใดชนิดหนึ่งเจริญเติบโตมากกว่าปกติ ทำให้แบคทีเรียชนิดที่มีประโชยน์ต่อร่างกาย คือ lactobacilli ในช่องคลอดมีจำนวนลดลง ตกขาวจากการติดเชื้อแบคทีเรียมักมีสีขาว สีเทา หรือสีเหลือง อาจมีกลิ่นคาวปลา รวมทั้งอาจมีอาการคัน แสบร้อนช่องคลอด ร่วมด้วย

ช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อปรสิต Trichomonas vaginalis ติดต่อโดยการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีการติดเชื้อนี้อยู่ ตกขาวมักมีสีเหลือง เป็นฟอง และมีกลิ่นเปรี้ยว ความผิดปกติในช่องคลอดยังอาจเกิดได้จากเหตุอื่นนอกจากการติดเชื้อ เช่น การฉีดล้างช่องคลอด การใช้สบู่หอม การใช้สารฆ่าอสุจิ อาจทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองช่องคลอด การลดลงของฮอร์โมนเพศหญิงในวัยหมดประจำเดือนจะทำให้เยื่อบุช่องคลอดบางลง ก็ทำให้ช่องคลอดเกิดอาการคันและแสบร้อนได้เช่นกัน

การรักษาตกขาวผิดปกติ

ยาที่ใช้สำหรับช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ให้ได้ทั้งวิธีรับประทานหรือสอดเข้าช่องคลอด เช่น

  • Metronidazole 500 mg รับประทาน วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 7 วัน
  • Clindamycin 300 mg รับประทาน วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 7 วัน

ยาที่ใช้สำหรับช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อรา โดยมากเป็นยาเหน็บ หรือ ยาทาช่องคลอด เช่น

  • Clotrimazole 1% cream ครั้งละ 5 กรัม สอดเข้าช่องคลอดโดยใช้ applicator วันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลา 7--14 วัน
  • Clotrimazole 100 mg สอดช่องคลอด วันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลา 7 วัน
  • Clotrimazole 100 mg vaginal tablet สอดเข้าช่องคลอด วันละ 2 เม็ด ก่อนนอน เป็นเวลา 3 วัน
  • Clotrimazole 200 mg vaginal tablet สอดเข้าช่องคลอด วันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลา 3 วัน
  • Clotrimazole 500 mg vaginal tablet สอดเข้าช่องคลอด 1 เม็ดครั้งเดียว
  • Miconazole 100 mg vaginal suppository สอดช่องคลอด วันละครั้ง ก่อนนอน เป็นเวลา 7 วัน

แหล่งอ้างอิง: https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/312/%E0%B8%95%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7..%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%A3/

Gynecon vaginal tablets

Gynecon-T vaginal tablets

Fungicon cream

Fungicon vaginal tablets

ตกขาวผิดปกติ

Product :

Product :

อาการติดเชื้อในช่องคลอด

ตกขาวติดเชื้อ

 

โรคติดเชื้อในช่องคลอด ที่พบบ่อยมากที่สุด คือ การติดเชื้อจากเชื้อราและแบคทีเรียในช่องคลอด

ซึ่งเชื้อโรคทั้งหลายนี้จะอาศัยอยู่ปรกติในปาก ระบบทางเดินอาหาร บนผิวหนังของคนเรา รวมถึงในช่องคลอดของผู้หญิงด้วย โดยไม่ทำให้เกิดโรคแต่อย่างใด แต่หากร่างกายมีภูมิความต้านทานโรคต่ำ หรือในผู้หญิงมีภาวะอับชื้นบริเวณช่องคลอดเป็นเวลานานจนทำให้เชื้อเหล่านี้ก่อตัวมากขึ้นจนก่อโรคอื่นๆเข้าสู่ร่างกายผ่านช่องคลอดหรือบริเวณอวัยวะเพศได้

ผู้ติดเชื้อในช่องคลอดมีอาการอย่างไร?

โดยธรรมชาติของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์มักจะมีมูกเหลวใสถึงขุ่นข้น หรือที่เรียกกันว่า “ตกขาว” ถูกขับออกมาจากช่องคลอดอย่างเป็นปรกติ ซึ่งไม่น่าเป็นห่วง  หากแต่อาการ “ตกขาว” ของผู้ติดเชื้อในช่องคลอดจะมีอาการคันบริเวณอวัยวะเพศและภายในช่องคลอด ตกขาวที่ผิดปรกติจะมีสีที่ขุ่นข้น ขาวขุ่นไปจนเขียวคล้ายหนองซึ่งจะมีกลิ่นตามมาคล้ายนมบูดหรือปลาเค็มในปริมาณที่มากกว่าปรกติ และจะมีอาการแสบเวลาถ่ายปัสสาวะและบวมแดงบริเวณอวัยวะเพศ     

 

การตรวจสอบตกขาวผิดปรกติด้วยตนเอง

ก่อนอื่นภาวะ”ตกขาวเรียกได้ว่าเป็นภาวะปรกติธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้กับเพศหญิงทุกคนตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือน อาการใดที่บ่งบอกได้ว่าภาวะตกขาวที่เกิดขึ้นไม่ใช่ภาวะปรกติไปจนถึงอาการรุนแรงถึงขั้นติดเชื้อและมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งระบบอวัยวะสืบพันธุ์

 

การตรวจสอบตกขาวผิดปกติด้วยตนเอง ไม่ใช่เรื่องยาก หากพิจารณาจากสีและเนื้อสัมผัสของตกขาวผิดปรกติ สามารถบ่งบอกได้ในเบื้องต้นเกี่ยวกับที่มาของปัญหาตกขาวผิดปรกติได้ดังต่อไปนี้

 

ตกขาวกับการดูแลตนเอง

การตรวจสอบตกขาวผิดปกติด้วยตนเอง

ตกขาวผิดปกติ

ตกขาว (Vaginal Discharge)

ตกขาว (Vaginal Discharge) หรือระดูขาว คือ สารคัดหลั่งที่ถูกขับออกมาจากช่องคลอดเพื่อสร้างความชุ่มชื้น ส่วนใหญ่เป็นมูกใสบางๆ คล้ายแป้งละลายน้ำ มีลักษณะเป็นสายๆ หรือหยดเล็กๆ อาจมีลักษณะเหนียวนิดๆ และอาจมีเยื่อเมือกปะปนอยู่ด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องมีสีขาวใสเสมอไป อาจมีสีขาวขุ่นคล้ายนม และโดยปกติแล้วจะไม่มีกลิ่น แต่ก็อาจมีกลิ่นได้บ้างเล็กน้อย ซึ่งถือเป็นภาวะตกขาวปกติ (Physiologic Vaginal Discharge) โดยผู้หญิงเมื่อย่างเข้าสู่วัยสาวหรือวัยเจริญพันธุ์ การมีสารคัดหลั่งถูกขับออกมาจากช่องคลอด ซึ่งเป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่มีความสำคัญในการช่วยทำความสะอาดช่องคลอด

ส่วนตกขาวผิดปกติ (Pathologic Vaginal Discharge) ซึ่งมักมีสาเหตุจากอาการอักเสบ, การติดเชื้อ, เนื้องอก, การแพ้สารเคมีหรือยา การบาดเจ็บของอวัยวะสืบพันธุ์ และฝีคัณฑสูตร โดยภาวะตกขาวผิดปกติ นอกจากจะมีสีอื่นๆ ที่แตกต่างไปจากตกขาวปกติแล้ว ที่สำคัญก็คือ จะมีกลิ่นฉุนจัดหรือเหม็นคล้ายปลาเค็ม

โดยทั่วไป ภาวะตกขาวปกติมักไม่มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เป็นต้นว่า คัน แสบร้อนช่องคลอดหรือช่องคลอดบวม อย่างไรก็ตาม หากอากาศภายนอกร้อนหรือชื้นและหากประกอบกับใส่กางเกงในที่ทำจากใยสังเคราะห์ หรือใส่กางเกงผ้าหนาๆ เช่น ยีนส์ ก็อาจทำให้ช่องคลอดเกิดการระคายเคืองและคันขึ้นได้

ในสตรีวัยมีประจำเดือน เป็นเรื่องปกติกับการมีตกขาวปริมาณราวๆ 1 ช้อนชาทุกวัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงตกไข่จะมีปริมาณตกขาวมากขึ้น โดยมักมีลักษณะคล้ายไข่ขาว ทั้งนี้เพื่อรองรับในการช่วยให้ตัวอสุจิหรือสเปิร์มของเพศชายผ่านเข้ามาผสมกับไข่หรือการปฏิสนธิ นอกจากนี้ ในภาวะที่สตรีเกิดการกระตุ้นความต้องการทางเพศ ก็จะมีตกขาวปกติลักษณะเป็นมูกใสบางๆ หลั่งออกมาเพื่อทำหน้าที่เป็นสารหล่อลื่นปกป้องช่องคลอดในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์

ส่วนในสตรีตั้งครรภ์ มักมีตกขาวปกติในปริมาณค่อนข้างมากและมีลักษณะค่อนข้างหนาคล้ายแป้งเปียก ขณะที่เมื่อสตรีเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ภาวะตกขาวปกติก็จะหมดไปเนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนลดน้อยลง แต่อาจมีภาวะตกขาวผิดปกติเกิดขึ้นได้ เนื่องจากภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลทำให้ช่องคลอดแห้งและอักเสบง่าย

ภาวะตกขาวผิดปรกติเป็นอาการสำคัญที่นำผู้หญิงมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจทางนรีเวชมากที่สุด ซึ่งแม้ภาวะตกขาวปกติจะหายไปได้เอง ไม่ต้องให้การรักษาใดๆ อย่างไรก็ตาม ภาวะตกขาวปกติทำให้ผู้หญิงจำนวนมากขาดความมั่นใจในบุคลิกภาพ ส่วนภาวะตกขาวผิดปกตินอกจากจะมีปริมาณตกขาวมากขึ้น มีกลิ่นไม่พึงปรารถนา มีอาการคันหรือแสบร้อนช่องคลอด ซึ่งทำให้เกิดความรำคาญ ขาดความมั่นใจในบุคลิกภาพแล้ว การมีตกขาวผิดปกติยังเป็นอาการที่บ่งชี้ถึงการมีช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อ (Vaginitis) หรืออาจบ่งบอกถึงการมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นต้นว่า หนองในเทียม และที่ร้ายแรงมากที่สุดคือ ภาวะตกขาวผิดปกติอาจมีสาเหตุมาจากเนื้องอก ซึ่งรวมถึงมะเร็งปากมดลูก

7 ข้อต้องห้ามของน้องสาว

รู้ไว้ยังไม่สาย…การชำระล้างทำความสะอาดน้องสาวที่คุณผู้หญิงเรามักทำกันมาอย่างผิดๆ เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายในช่องคลอด

1) เมื่อถึงเวลาชำระล้าง สาวๆควรล้างส่วนหน้าและส่วนหลังแยกกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ควรล้างหรือเช็ดไปพร้อมๆกัน เพราะแบคทีเรียดีแต่ละส่วนต่างกันและแยกกันอยู่ ไม่ว่าจะเช็ดจากหลังไปหน้า หรือหน้าไปหลัง จะมีโอกาสติดเชื้อมากพอๆกันนะจ๊ะ
2) ช่องคลอดของเรามีการทำความสะอาดตามวิถีธรรมชาติของมัน การใช้สบู่อาบน้ำทำความสะอาดเพียงด้านนอกนับว่าเพียงพอแล้วต่อการกำจัดเหงื่อไคลหรือกลิ่นอับชื้น หลีกเลี่ยงการใช้สบู่หรือครีมอาบน้ำที่แต่งกลิ่นเข้มข้น หรือสารเคมีอื่นๆ ที่อาจก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคืองได้โดยง่าย รวมทั้งสเปรย์ระงับกลิ่นหรือผ้าเปียกที่ใส่กลิ่นหอมต่างๆ
3) น้ำยาล้างช่องคลอดจำเป็นมากแค่ไหน? ยิ่งล้างหรือสวนช่องคลอดก็ยิ่งทำให้ภาวะสมดุลของความเป็นกรดด่างในร่างกายเสียไป หากเป็นเพราะกลิ่นที่ออกมาจากตกขาว การสวนล้างจะยิ่งทำให้แย่ลงกว่าเดิม ควรไปพบแพทย์เพื่อสาเหตุที่แท้จริงว่าช่องคลอดมีการติดเชื้อจากเชื้อโรคประเภทไหนเป็นดีที่สุด
4) การใช้คอนดอมเมื่อเวลามีเพศสัมพันธ์จะเป็นการป้องกันเชื้อโรคที่ส่งผ่านชายสู่หญิงได้อย่างดีที่สุด และที่สำคัญคือควรเปลี่ยนอันใหม่ทุกครั้งเพื่อป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายจากช่องคลอดสู่ทวารหนักหรือในทางกลับกัน
5) โภชนาการก็มีส่วนสำคัญ ไม่ควรอดอาหาร ทานอาหารไม่ครบหมู่ การขาดวิตามินหรือแร่ธาตุบางชนิด แม้กระทั่งการดื่มน้ำน้อยเกินไป ทำให้ร่างกายขาดสมดุล ขณะเดียวกันการรับประทานกระเทียมสด โยเกิร์ต หรือน้ำแอ็ปเปิ้ลหมักเป็นประจำยังมีส่วนช่วยให้ร่างกายมีสภาวะต่อต้านการติดเชื้อได้ดีอีกด้วย
6) การใส่กางเกงที่รัดติ้วหรือเลกกิ้งเข้ารูปมันอาจจะทันตามแฟชั่น แต่อาจทำร้ายช่องคลอดของเรา ตกขาวจากการอับชื้น อาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ที่ซ้ำร้ายเชื้อโรคจะก่อตัวกันอย่างรวดเร็วทำให้เกิดภาวะตกขาวผิดปรกติขึ้นได้เหงื่อที่หมักหมม กางเกงในที่รัดและหนาคือฝันร้ายที่สาวๆหลีกเลี่ยงไม่เผชิญกับมันได้ไม่ยาก ลองดูนะคะ!
7) เมื่อมีประจำเดือน ลองสำรวจดูว่าคุณเปลี่ยนผ้าอนามัยหรือแทมพอนบ่อยแค่ไหน มิเช่นนั้นเท่ากับคุณสาวๆกำลังสะสมเชื้อโรคเหล่านั้นอยู่นะคะ เปลี่ยนทุกครั้งเมื่อเข้าห้องน้ำและเมื่อไม่มีประจำเดือนก็ไม่จำเป็นต้องใส่ผ้าอนามัย
…พึงจำไว้ทุกครั้งว่าเวลาเปลี่ยนผ้าอนามัย หรือหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง ควรทำความสะอาดบริเวณนั้นให้สะอาดและแห้งสนิทอยู่เสมอ มิเช่นนั้นอาการคันหรือตกขาวอาจตามมาได้ง่ายๆค่ะ